วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556

[EBF] Changed 1/?




ผมไม่รู้
ว่ามันเกิดจากอะไร


เหงา หรือเศร้า
ที่ต้องอยู่คนเดียว


เมื่อหลับตาลงในราตรีและความมืดมิด
ไขว่คว้าหาสิ่งยึดเหนี่ยวตรงหน้า

...มีแต่ความว่างเปล่า


ราตรียังคงความน่ากลัวของมันดังเช่นเดิม



ในระหว่างที่ไม่กล้าหลับตาลงเพราะเกรงกลัวฝันร้ายนั้น

คุณก็มาปรากฏตรงหน้า..

พร้อมกับเรือนผมสีดำยาว
และรอยยิ้มที่เคียงคู่กับแววตาที่เดาไม่ออก





'มาพนันกันมั้ย?'





นั่นคือจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง
คุณเปลี่ยนแปลงผม
เปลี่ยนแปลงชีวิตผม



รอยยิ้ม และแววตาที่ขี้เล่น
ความรู้สึกที่ยากจะคาดเดา


คุณทำให้ผมคลั่ง
คุณทำให้ผมมีความสุข




ชีวิตของผมคงไม่ยืนยาวเท่าคุณ

แต่รู้อะไรไหม





แค่สามารถทำให้คุณมีความสุขตลอดอายุขัยของผม

แค่นั้น

ก็เพียงพอแล้ว
ไม่กล้าหวังมากกว่านี้


--------------------------

ความรู้สึกร้อนผ่านที่ต้นคอวาบขึ้นมาตลอดอาทิตย์ บากิร่า คีเฟเยฟ ไม่อยากจะนึกถึงผลที่ตามมาหลังจากโดนพลจัตวาไฟว์ จาโคบี้ กัดเข้าที่ต้นคอ ถึงบาดแผลภายนอกจะหายเพราะการรักษาของหมอเอสเตอร์บาห์นกับองค์หญิงเอลิสก็ตามที แต่เขาเองก็รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของร่างกายของตนเองอย่างเห็นได้ชัด อย่างเช่นแดดตอนกลางวันของคราทอสที่ออกมาเจอทีไรก็ไม่เคยคิดว่ามันน่ากลัวขนาดนี้มาก่อนในชีวิต หรืออย่างผิวกายที่ดูจะซีดลงกว่าเดิม ม่านตาที่เรียวเล็กขึ้นมาอย่างน่ากลัว… หรือแม้แต่คมเขี้ยวที่งอกออกมา…


แวมไพร์ อย่างนั้นหรอ… ไม่อยากจะคิดถึงกิจวัตรประจำวันที่ต้องเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ยิ่งกับคนแบบเขาแล้ว คนที่ทำอะไรเป็นระเบียบแบบแผน เช้าตื่นกลางคืนเข้านอน นึกแล้วก็ไม่อยากให้มันต้องมารวนเพราะเหตุผลที่ไม่เข้าท่าอย่างเช่น กลายเป็นแวมไพร์


ถ้าถามว่ารับได้ไหม…. ไม่มีใครที่จะรับตัวเองได้หลังจากโดนเปลี่ยนให้เป็นแวมไพร์โดยไม่เต็มใจหรอก


สี่วันหลังจากโดนกัด พลจัตวาเข้ามาบอกถึงความเปลี่ยนแปลงในร่างกายที่ตัวเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจ ความกระหายในลำคอเริ่มเพิ่มพูนขึ้นมานิด ๆ ใช่ ชายหนุ่มยังคงพยายามกลั้นใจและไม่ยอมรับตัวเอง เขาไม่รู้ว่าจะยังพอหาทางแก้ได้ไหม แต่ยังไงก็จะดิ้นรนจนวินาทีสุดท้ายนั่นแหละ


เลือดยูนิคอร์นจะแปรเปลี่ยนคนที่ถูกกัดให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ในเจ็ดวัน แต่นั่นมันก็หายากพอๆกับดวงตาแม่มดหรือไม่ก็เกล็ดนาคาที่หายากและไม่มีขายตามท้องตลาด ถ้าไม่นับรวมนาคาที่อยู่ในกองทัพล่ะก็นะ หากแต่ว่ากลิ่นคาวในหลอดเล็กฉุนจมูกที่อามิลกำลังเอามาจ่อริมฝีปากอยู่นี่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ถึงแม้ตัวเขาจะไม่เคยดื่มเลือดยูนิคอร์นมาก่อนแต่กลิ่นมันคงไม่น่าสะอิดสะเอียนถึงขนาดนี้


แทบไม่มีเวลาให้ได้คิด ทันทีที่หยดเลือดสีดำในหลอดเล็กที่อามิลนำมาถูกส่งผ่านผ่านเข้าไปในลำคอ ร่างทั้งร่างก็เหมือนมีกระแสไฟฟ้าแล่นผ่าน ร้อนรุนแรงเหมือนจะระเบิด ลำคอตีบตัน รู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงคมเขี้ยวที่งอกออกมา ภาพคนตรงหน้ารางเลือน หยดเลือดนั่นเป็นตัวกระตุ้นให้ชายหนุ่มกลายเป็นแวมไพร์เร็วกว่าเดิม

นี่ไม่ใช่เลือดยูนิคอร์น..

ฉุกใจคิดขึ้นมาทันทีที่เลือดสีเข้มนั่นแตะปลายลิ้น ไม่รู้ว่าเลือดนั่นมันคืออะไร และเจตนาที่คนตรงหน้านำมาให้เขาดื่มน่ะคืออะไรกันแน่? ต้องการให้กลายเป็นแวมไพร์อย่างนั้นหรอ ...ความเจ็บปวดแล่นริ้วขึ้นมา มือปัดป่ายไปทั่ว ร่างกระตุกเกร็งออกอาการดิ้นทุรนทุรายโดยไม่ได้ทันมองสีหน้าของอีกคนที่ยืนอยู่ก่อนสติดับวูบไปพร้อมกับภาพรางเลือน


....รู้อะไรไหม ไม่ว่าเลือดในหลอดเล็กนั่นจะเป็นเลือดยูนิคอร์นหรือหรืออะไรก็ตามแต่ แต่ในเมื่อมันถูกส่งมาจากมือของคนที่เขารักและเชื่อใจ ชายหนุ่มก็ไม่ลังเลที่จะดื่มมัน ถึงแม้ว่ามันจะส่งผลร้ายออกมาอย่างไรก็ตาม…


---------


ลำคอที่แห้งผากกับอาการหน้ามืดเป็นสัญญาณบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าบากิร่ากำลังตกอยู่ในสภาวะต้องการอาหาร น้ำลายถูกกลืนลงคอราวกับว่ามันจะช่วยให้ลำคอที่แห้งเป็นผงในตอนนี้ชุ่มชื้นขึ้นมาบ้าง แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย


ตั้งแต่วันนั้นผ่านมาก็หลายเดือน ตอนนี้หลายคนในกองทัพรับรู้แล้วว่าเขาได้เปลี่ยนจากการเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์เลือดบริสุทธิ์อันสูงส่งกลายมาเป็นแวมไพร์หลังจากการปะทะของเขาผู้ซึ่งเป็นเพียงพลทหารกับพลจัตวาผู้ที่ตอนนี้เป็นเจ้านายและเจ้าชีวิต นั่นไม่ใช่เรื่องที่ตัวเองเต็มใจเสียเท่าไหร่ เพราะการเป็นแวมไพร์นี่เกิดจากการเล่นสนุกของคน ๆ นี้เท่านั้น และก็นั่นแหละ อาการที่เป็นอยู่ตอนนี้อาหารปรกติเลยช่วยอะไรไม่ได้ ถึงแม้มันจะดูน่าทานสักแค่ไหน แต่สิ่งที่ต้องการจริงๆนั่นก็คือ เลือด



หลายเดือนที่ผ่านมาชายหนุ่มดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยเลือดของคน ๆ หนึ่งกับถุงเลือดสำรองของห้องพยาบาล ไม่แน่ใจว่าคิดไปเองหรือเปล่าว่ายิ่งดื่มเลือดมากขึ้นเท่าไหร่ ความต้องการมันยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้นเท่านั้น ระยะห่างของเวลากระหายเริ่มกระชั้นชิดเข้ามาใกล้กันมากขึ้นทุกที ที่ผ่านมายังพอคุมตัวเองได้แต่หลังจากนี้ถ้าหากว่าคลั่งขึ้นมาล่ะ จะมีกี่คนที่อาจจะต้องตกเป็นเหยื่อสังเวย


แค่คิดก็ทำให้บากิร่าขมวดมุ่นคิ้วแทบจะทั้งวัน นิ้วมือกร้านแตะลูบลำคอไปมาอย่างลืมตัวจนเพื่อนทหารด้วยกันต่างทักท้วงถึงรอยแดงที่เกิดขึ้น เขาเลือกที่จะเลี่ยงตอบปฏิเสธเหมือนอย่างทุกครั้ง และคนพวกนั้นก็เลือกที่จะเออออไม่ถามอะไร ยกเว้นซะก็แต่เพื่อนสนิทคนเดียวที่ดูจะทำตัววุ่นวายน่ารำคาญตั้งแต่กลับมาเจอกันอีกครั้งในกองทัพ


แอเรียส ลิอองเซ่ย์ เพื่อนชายเผ่าศิลาที่ยังเป็นคนเดียวที่เทียวไปเทียวมาระหว่างคอนโดกับกองทัพเพื่อดูแลแมวที่ตัวเองไปเก็บมาเลี้ยงตอนกลับมาจากส่วนกลางเมื่อปีที่แล้ว ผิดกับเขาและอามิลที่ติดงานอยู่ที่กองทัพไม่ค่อยได้กลับบ้าน ถึงกระนั้นงานของพลทหารก็ยังน้อยกว่าพันโทและทำให้พอจะมีเวลากลับไปดูแลที่นั่นบ้างเป็นครั้งคราว


"ร้อยโทคีเฟเยฟ" เสียงเรียกของเพื่อนทหารคนหนึ่งดังขึ้นมาจากข้างหลังทำให้ชายหนุ่มหยุดความคิดทั้งมวลในหัวนี่ลงอย่างสิ้นเชิง หากไม่มีชื่อพ่วงท้ายแล้วล่ะก็เขาคงไม่รู้ว่าเรียกใคร ยศใหม่ที่ก้าวกระโดดจากพลทหารขึ้นมานี่ยังไงก็ยังไม่ชินอยู่ดี


"เอกสารนี่..." ชายหนุ่มกดสายตามองเอกสารตอบรับเพื่อนร่วมทัพพร้อมกับทำหน้าที่ใหม่ ความพูดน้อยบางครั้งก็ทำให้คนอื่นอึดอัด แต่สำหรับเขาที่ขาดการเข้าสังคมมานานนับปีนั่นเป็นเรื่องยากหากจะให้เปลี่ยนตัวเองกะทันหัน เขารับตั้งเอกสารมาถือในมือก่อนจะพาร่างสูงของตนเดินไปยังห้องทำงาน คลังเลือดที่เคยเก็บไว้ตอนนี้หมดเกลี้ยงแล้ว และการไปขอเลือดจากห้องพยาบาลบ่อย ๆ ไม่ใช่เรื่องดี แถมคนที่ตนเคยอาศัยเลือดตอนนี้กลับไม่อยู่ซะอีก



ไม่รู้เมื่อไหร่ที่เขาต้องจะสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไป...





-------------------
กรี๊ดดดดดดดด แต่งฟิคคคคคค เป็นอะไรที่ทำได้ตอนอยู่ออฟฟิศมันเลยออกมาแบบนี้แหละค่ะ
เบื้องหลัง(?)ของบาร์ก #หรอ ไม่เชิงเบื้องหลัง แต่เป็นชีวิตในแต่ละวันมากกว่าค่ะ
มีแต่ตัวหนังสือที่ภาษาไม่ลื่นเท่าไหร่ ทำใจหน่อยนะคะ มือใหม่หัดแต่ง :3

ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงตอนนี้ค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น