วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2559

[EBF] 12.07.28

Old banner


กระดาษจดหมายที่เริ่มออกสีน้ำตาลบ่งบอกว่ากระดาษแผ่นนั้นถูกเปิดอ่านมาหลายต่อหลายครั้ง มันถูกทับอยู่ภายใต้ร่างของชายหนุ่มที่กำลังกอดแขนตัวเองกึ่งพาดไว้บนโต๊ะไม้สีเข้ม ของบนโต๊ะวางกองเกะกะ ห้องสี่เหลี่ยมแสนเล็กที่ไม่มีแม้แต่เงาของแมวตัวโปรด

การอ่านจดหมายฉบับนี้เป็นเหมือนกิจวัตรประจำวันของแอเรียสไปแล้ว นับตั้งแต่มันถูกส่งมาพร้อมของใช้จากดินแดนทางเหนือ

เขาแทบจะจำได้ทุกคำพูดที่เขียนลงบนจดหมาย การตวัดของลายเส้น หรือแม้แต่กระทั่งรายละเอียดของแต่ละตัวอักษร ไม่ว่าอ่านไปกี่ครั้ง พลิกกระดาษกี่รอบ ข้อความก็ยังคงเดิม ยังคงความเศร้าของมันไว้เช่นเดิม

ลมหายใจถูกถอนออกมาเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้แล้วของวันนี้
พอหลับตาลงทีไรภาพของคนรักก็สว่างวาบเข้ามาในหัวสมองเหมือนกับการฉายเทปซ้ำไปซ้ำมา รอยยิ้มร่าเริงที่ไม่มีวันจะได้เห็นอีกครั้งตอกย้ำให้ตนคิดถึงใบหน้าที่กลัวว่าสักวันมันจะลบเลือนไป

นัยย์ตาร้อนผ่าว หยาดน้ำสีใสทำท่าจะเล็ดรอดออกมาอย่างทุกครั้ง หากแต่ชายหนุ่มหยุดมันไว้ด้วยการเงยหน้ามองท้องฟ้า เพดาน พัดลม หรืออะไรก็ได้ที่เขาจะมองขึ้นไปแล้วเห็น แต่ก็มีหลายครั้งที่ไม่สามารถกลั้นไม่ให้มันไหลออกมา

แอเรียสไม่สามารถทำตามคำขอร้องอย่างหนึ่งของคนรักได้

เขาไม่สามารถร้องไห้ได้ในเวลาที่อยากร้อง
ไม่สามารถยิ้มออกมาจากก้นบึ้ง
ไม่สามารถมองเห็นท้องฟ้าเป็นสีเดิมได้นับตั้งแต่วันนั้น
มันอาจจะฟังดูโง่ถ้าชายหนุ่มบอกว่าอยากจะทิ้งทุกอย่างแล้วตามไปหาเด็กคนนั้นที่อยู่ไกลแสนไกล

แต่ ‘คำสัญญา’ ยังคงอยู่


ดวงตาสีน้ำเงินถูกปิดลงช้าๆด้วยเปลือกตาที่หนักอึ้ง


  -----------------

เป็นอีกวันที่ชายหนุ่มพาตัวเองมาหยุดอยู่ที่ป้ายหลุมศพที่เรียงรายนับไม่ถ้วนในอิคดราซิล วันนั้นมีเพียงเขาคนเดียวที่ยืนอยู่ท่ามกลางหลุมศพนับร้อยนับพัน เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าร่างของคนที่ต้องการเจอนั้นอยู่ตรงไหน หายไปแล้วหรือเปล่า มีเพียงความหวังลมๆแล้งๆเท่านั้นที่พาเขามาที่นี่

สงครามครั้งนี้สิ้นสุดแล้ว
แต่มันยังไม่จบ

ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่แอเรียสนึกแค้นใจในสงครามที่คร่าชีวิตของคนที่รู้จัก
ถ้าเขาไม่ใช่ทหาร ถ้าเขาไม่ใช่อาวุธมนุษย์ มันจะดีกว่านี้หรือเปล่านะ
ถึงแม้ครั้งนี้กองทัพหลวงจะได้รับชัยชนะ แต่สงครามเองก็พรากหลายสิ่งให้หลายคนต้องสูญเสียคนสำคัญไปอย่างไม่มีวันกลับ

ชายหนุ่มวางดอกไม้สีแสดดอกหนึ่งลงบนหลุมศพไร้ชื่อ

นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่เขายืนอยู่ตรงนั้นอย่างไร้จุดหมาย
ตะวันเริ่มตกพร้อมที่จะลับขอบฟ้าไปอย่างช้าๆ

'แอเรียส'

เสียงแว่วคุ้นหูดังขึ้นมา เขาหันกลับไปมองด้วยความหวังที่วาบขึ้นมาในใจเพียงน้อยนิดแต่กลับกลายเป็นว่ามีเพียงอากาศธาตุว่างเปล่า
ความคิดถึงและหมกมุ่นคงทำให้เป็นได้ถึงขนาดนี้

"สุขสันต์วันเกิด..."
นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายของแอเรียสในวันนั้น

Sorry for belate BD ; w ;
แบบว่า เราทำหลายอย่างจนลืมไปเลย
ยกโทษให้เค้านะ จุ๊บๆ
HBD Alcor M. Elysia
12.07.1028(2014)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น